
Gamestop มหกรรมแจกเงินของกองทุนคุณภาพต่ำ นักวิเคราะห์ระบุ Gamestop ทำสัญญาณขาขึ้นทางเทคนิคตั้งแต่เดือนเมษายนปีก่อนแล้ว!
บริษัทในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาที่ร้อนแรง และถูกพูดถึงเป็นวงกว้างมากที่สุดในนาทีนี้คงหนีไม่พ้นบริษัทขายเกมที่ชื่อ Gamestop ซึ่งเป็นบริษัทร้านค้าปลีกผู้จัดจำหน่ายวิดิโอเกม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีร้านค้าในเครือข่ายรวมทั้งหมด 5,509 ร้าน ในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และยุโรป โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในย่านเกรปไวน์ ชานเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
Gamestop เริ่มต้นดำเนินกิจการเมื่อปี 1984 ในชื่อเดิมว่า Babbage’s ก่อตั้งโดยนาย James McCurry และนาย Gary M. Kusin ก่อนจะควบรวมกับบริษัท Software Etc. ในการก่อตั้งบริษัทแม่ที่ชื่อ NeoStar ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (Holding Company) ของบริษัทลูกทั้ง 2 ซึ่งต่อมานาย Leonard Riggio ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัท Software Etc. ได้เข้าซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัท NeoStar พร้อมกับปิดบริษัทแม่เดิม และเปิดบริษัทผู้ถือหุ้นใหม่ในชื่อ Babbage’s Etc. ก่อนที่ทางบริษัทจะสร้างเครื่องหมายการค้าใหม่ภายใต้ชื่อ Gamestop และถูกขายให้กับบริษัท Barnes & Noble Booksellers ซึ่งนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ที่ตลาด New York Stock Exchange ในปี 2002

ลักษณะรูปแบบราคาในรอบเกือบ 20 ปี ที่ผ่านมาของบริษัท Gamestop
Gamestop ไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างรุนแรงโดยปราศจากเหตุผลและปัจจัยทางเทคนิค เพราะถ้าหากเราย้อนกลับไปดูรูปแบบการเคลื่อนที่ราคามูลค่าของบริษัท Gamestop ตั้งแต่ IPO เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2002 จนถึงเดือนธันวาคมปี 2007 แล้วนั้นเราจะพบว่าเป็นช่วงเวลาที่สามารถตีความได้ว่าเป็นช่วงระยะที่ราคามูลค่าหลักทรัพย์บริษัท Gamestop สร้างรูปแบบราคาของคลื่นลูกที่ 1 หรือคลื่นลูกที่ 3 ตามทฤษฎีคลื่น Elliott Wave ก่อนจะสร้างรูปแบบราคาของคลื่นลูกที่ 2 หรือคลื่นลูกที่ 4 ในช่วงเดือนธันวาคม ปี2007 ไปจนถึงเดือนสิงหาคมปี 2019 โดยสร้างรูปแบบของคลื่น A ใน ช่วงเดือนธันวาคมปี 2007 จนถึงเดือนกรกฎาคม ปี 2012 ที่บริเวณราคา 63.74 บาทจนถึงบริเวณราคา 15.38 บาท สร้างคลื่น B ในเดือนกรกฎาคม ปี 2012 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2013 ที่ราคา 15.38 บาท ถึงราคา 57.77 บาท และคลื่น C ในเดือนพฤศจกายน ปี 2013 จนถึงเดือนเมษายน 2020 ที่บริเวณราคา 57.77 บาท จนถึง ราคา 2.56 บาท ก่อนจะเข้าสู่รูปแบบราคาของคลื่นลูกที่ 3 หรือคลื่นลูกที่ 5 หลังจากจบคลื่น C และกระชากขึ้นอย่างรุนแรงเพื่อทำแท่งเทียนสีเขียวใหญ่ในเดือนมกราคม 2021 ที่ผ่านมา
สัญญาณเข้าซื้อที่สำคัญ
ไม่ว่าจะตีความช่วงระยะการพักตัวที่บริเวณกรอบราคา 63.74 บาท จนถึงราคา 2.56 บาท ว่าเป็นการพักตัวของคลื่นลูกที่ 2 หรือคลื่นลูกที่ 4 ก็ตาม จุดซื้อสำคัญก็อยู่ที่บริเวณจุดปลายคลื่น C ทั้ง 2 กรณี โดยภายในคลื่น C เองก็ประกอบด้วยคลื่น Elliott Wave ทั้ง 5 คลื่นเช่นเดียวกัน ฉะนั้นแล้วจุดสัญญาณเข้าซื้อที่สำคัญจึงอยู่ที่บริเวณจุดปลายของคลื่นลูกที่ 5 ภายในคลื่น C หลังจากที่ปรากฏรูปแบบราคาของคลื่นลูกที่ 5 และยืนยันการกลับตัวเป็นทิศทางขาขึ้นด้วยแท่งเทียนสีเขียวใหญ่ที่บริเวณ ราคา 5 บาทแล้ว

อนาคตของมูลค่าราคาหลักทรัพย์บริษัท Gamestop
การคาดการณ์ความน่าจะเป็นที่สามารถจะเกิดขึ้นได้กับราคาหลักทรัพย์ บริษัท Gamestop นั้น ขึ้นอยู่กับการตีความรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นมาแล้วทั้งในอดีตและปัจจุบันว่าจะตีความออกมาในลักษณะรูปแบบใด ไม่ว่าจะเป็นการตีความแท่งเทียนสีเขียวใหญ่ที่เกิดขึ้นในมุมมองภาพรวมของราคารายเดือนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าเป็นเพียงส่วนนึงของคลื่นลูกที่ 3 ที่ยังไม่สิ้นสุด หรือจะเป็นส่วนปลายของคลื่นลูกที่ 5 ที่อาจจะสิ้นสุดลงไปแล้วก็ตาม จุดตัดที่สำคัญคือลักษณะรูปแบบบราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น ไม่ควรที่จะพุ่งลงอย่างรุนแรงมากเกินไป เพราะจะทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เกิดความหวาดกลัวในลักษณะการเคลื่อนที่ของราคาที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาทำให้นักลงทุนรายย่อยไม่กล้าตัดสินใจลงทุนซื้อ
ฉะนั้นแล้วทิศทางราคาทีจะเกิดขึ้นในอนาคตของมูลค่าหลักทรัพย์บริษัท Gamestop จึงไม่ควรจะปรับตัวลงมามากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใดก็ตามราคามูลค่าของบริษัท Gamestop ควรที่จะประคองตัวเพื่อรักษาระดับราคาให้อยู่ในกรอบไม่เกิน 63.74 บาท ให้ได้เป็นอย่างน้อย
หากนักลงทุนต้องการลงทุนซื้อหลักทรัพย์บริษัท Gamestop ควรจะต้องรอให้เกิดรูปแบบราคาของคลื่นลูกที่ 5 อย่างชัดเจนเหมือนจุดที่เกิดสัญญาณกลับตัวขึ้นในคลื่น C เมื่อครั้งที่ผ่านมาก่อนจึงจะตัดสินใจลงทุนซื้อในครั้งถัดไป เฃ่นเดียวกับในฝั่ง Short ที่ต้องรอการย่อตัวขึ้นเพื่อหาจังหวะ Short ที่มีความเสี่ยงน้อย และจุดตัดขาดทุนต่ำ เพราะขณะนี้ราคาได้ปรับตัวจากจุดสูงสุดลงมาค่อนข้างไกลแล้วเช่นกัน!